ไขข้อสงสัย ! เครื่องเป่ามือ เป่าแห้งได้จริงไหม ? พร้อมเทคนิคการเลือกเครื่องเป่ามืออัตโนมัติ ควรดูอะไรบ้าง

แบบใช้ความร้อน

ทำงานโดยการใช้ความร้อนเป่า เพื่อให้น้ำระเหยออกจากมือ โดยเวลาเฉลี่ยในการทำให้มือแห้ง จะอยู่ที่ประมาณ 47 วินาที แนะนำให้โบกมือขึ้นลง ผ่านช่องความร้อนของเครื่องเป่ามือ เชื้อโรคอาจถูกทำลายได้ง่ายขึ้น และมือจะแห้งเร็วขึ้นกว่าเดิม

แบบใช้พลังงานลม

เครื่องเป่าที่ทำให้มือแห้งด้วยพลังงานลมนั้น จะใช้แรงเฉือนเพื่อผลักให้โมเลกุลของน้ำ กระจายตัวออกจากมือ ซึ่งจะใช้เวลาน้อยกว่า เฉลี่ยประมาณ 10 วินาทีเท่านั้น ซึ่งเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน

ระบบการทำงาน

เครื่องเป่าแห้งมืออัตโนมัติ แบบใช้พลังงานลม น่าจะเป็นรูปแบบที่ตอบโจทย์การใช้งานที่สุดในปัจจุบัน เพราะทำให้มือแห้งเร็วกว่าแบบความร้อนถึง 5 เท่า จึงไม่ต้องรอคิวนาน ไม่ทำให้สถานที่คับคั่ง ไม่เกิดการรวมกลุ่มของผู้คนที่รอใช้เครื่องเป่ามือ เชื้อโรคจึงไม่สะสม หรือแพร่กระจาย

ชนิดของมอเตอร์

มอเตอร์ของเครื่องเป่ามือ จะมี 2 รูปแบบหลัก คือแบบที่มีแปรงถ่าน (Brushed motor) และแบบไร้แปรงถ่าน (Brushless motor) ซึ่งแปรงถ่านจะเป็นส่วนที่สัมผัสระหว่างขดลวดกับแม่เหล็ก ทำให้เกิดการเสียดสี มีเสียงดัง และอาจเกิดประกายไฟระหว่างหมุน ดังนั้นมอเตอร์แบบไร้แปรงถ่าน จึงเหมาะกับการใช้งานมากกว่า และยังช่วยประหยัดไฟมากกว่าด้วย

ความเร็วรอบ

หากมอเตอร์มีประสิทธิภาพสูง จะสามารถปั่นได้เร็วกว่า 20,000 – 25,000 รอบต่อนาที ซึ่งจะช่วยสร้างพลังงานลมที่แรงขึ้น ทำให้เป่ามือให้แห้งได้อย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ควรคำนึงถึง โดยเฉพาะการติดตั้งในสถานที่ ที่มีคนพลุกพล่านตลอดวัน

พลังงาน

เครื่องใช้ไฟฟ้าในอุดมคติ ควรเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ใช้กำลังไฟฟ้าต่ำ ซึ่งการเลือกเครื่องเป่ามือแห้ง ก็ใช้หลักการเดียวกัน ยิ่งเครื่องทำให้มือแห้งได้เร็ว กินไฟน้อย ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายต่อเดือนได้มากขึ้น เช่น เครื่องของ PURE SERV รุ่น PS-510 ที่กินไฟเพียง 800 วัตต์เท่านั้น

เสียงรบกวน

เสียงที่เกิดจากเครื่องเป่ามือนั้น เป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะเป็นเสียงที่เกิดจากลมแรง กระทบกับมือหรือผนังกั้นของเครื่อง แต่ระดับเสียงที่เกิดขึ้นมักต่ำกว่า 80 เดซิเบล หรือประมาณเสียงบนท้องถนนในช่วงที่มีจราจรติดขัด ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ

ความทนทาน

วัสดุของตัวเครื่อง ควรเลือกแบบที่มีความทนทานสูง อย่างสเตนเลสเกรด 304 ที่ทนต่อการเกิดสนิม หรือพลาสติกเอบีเอส (ABS) ที่มีความแข็งแรง ทนต่อความร้อนสูงถึง 220 องศาเซลเซียส ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น

ตัวกรองอากาศ

แผ่นกรองอากาศหรือ HEPA Filter นั้น เป็นอุปกรณ์สำคัญ ที่จะช่วยฟอกอากาศที่ดูดเข้าไปในเครื่องเป่ามือ เชื้อโรคถูกกำจัดได้มากขึ้น ลมที่เป่าออกมาจึงมีความบริสุทธิ์มากขึ้น อย่างเครื่องของ PURE SERV รุ่น PS-507 ที่ใช้นวัตกรรม Double HEPA Filter กรองเชื้อโรคถึง 2 ชั้น ฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ขึ้นกว่าเดิมเกือบ 90%

แบรนด์คุณภาพ

ปัจจัยข้อสำคัญที่จะลืมนึกถึงไม่ได้เลย หากต้องการเลือกซื้อเครื่องเป่ามือแห้งอัตโนมัติ คือการเลือกแบรนด์ที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง อย่างเครื่องเป่าแห้งมือของเพียว เซิร์ฟ ที่ถูกเลือกใช้งาน และได้รับความไว้วางใจให้ติดตั้งในสถานที่สำคัญหลายแห่ง มีประสิทธิภาพสูง เป่ามือแห้งเร็ว แต่กินไฟน้อย พร้อมมีการรับประกันคุณภาพอีกด้วย