เนื่องจากการใช้ชีวิตประจำวันทำให้เราต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ และพบเจอผู้คนมากมาย การเลี่ยงการสัมผัสอาจจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และไม่สามารถหาที่ล้างมือได้ทุกครั้ง
ดังนั้นการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ จะช่วงป้องกันและควบคุมการติดเชื้อได้ดีอีกด้วย
ในสภาวะที่เกิดโรคระบาดอย่างหนักที่ผ่านมา ทำให้การดูแลความสะอาดมือกลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่ขาดไม่ได้ และแอลอฮอล์ล้างมือก็ได้กลายเป็นไอเทมที่สำคัญของหลายๆ คน ก่อนอื่นเราจะพาไปรู้จักกับประเภทของแอลกอฮอล์กันก่อน
1. แอลกอฮอล์ที่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อโรคโดยทั่วไปมีกี่ชนิด
แอลกอฮอล์ที่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อโรคโดยทั่วไปมี 2 ชนิด คือ เอทิลแอลกอฮอล์ (ethyl alcohol) และ ไอโซโพรพิล แอลกอฮอล์ (isopropyl alcohol)
แอลกอฮอล์ทั้ง 2 ชนิดเป็นของเหลวใส ไม่มีสี ระเหยได้ง่ายที่อุณหภูมิห้อง แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ในการทำลายเชื้อแบคทีเรีย เชื้อวัณโรค เชื้อรา และเชื้อไวรัส แต่ไม่สามารถทำลายสปอร์ของเชื้อแบคทีเรียได้ แอลกอฮอล์จัดเป็นสารฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพ แต่ฤทธิ์ในการทำลายเชื้อของแอลกอฮอล์จะลดลงมากหากความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ลดลง
แต่แอลกอฮอล์ทั้ง 2 ชนิดนี้ “ห้ามใช้ เมทิลแอลกอฮอล์ (methyl alcohol) โดยเด็ดขาด” เนื่องจาก เมทิลแอลกอฮอล์ เป็นของเหลวใส ไม่มีสี ระเหยง่าย เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการกลั่นทางปิโตรเคมี ที่นิยมใช้เป็นตัวทำละลายในอุตสาหกรรมการทำเฟอร์นิเจอร์ เช่น สีทาไม้ น้ำมันเคลือบเงา ยาลอกสี ฯลฯ และใช้เป็นเชื้อเพลิงในธรรมชาติ มีความเป็นพิษต่อร่างกายมาก โดยเมทิลแอลกอฮอล์สามารถดูดซึมได้ทางผิวหนัง ลมหายใจ ผู้ที่สูดดมเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ ทำให้หลอดลมอักเสบ มีการระคายเคืองต่อเยื่อบุตา ทำให้เยื่อบุตาอักเสบ อาจรุนแรงถึงขั้นตาบอดและเสียชีวิตได้ถ้าดื่มเข้าไป
2. คุณสมบัติของแอลกอฮอล์ล้างมือ
แอลกอฮอล์ที่นิยมใช้ เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์สำหรับล้างมือ คือ เอทานอล (ethanol หรือ ethyl alcohol) มีลักษณะเป็นของเหลวใส ไร้สีไร้กลิ่น และสามารถระเหยได้ดี การออกฤทธิ์ของแอลกอฮอล์คือการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคชนิดต่างๆ ทั้งแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา โดยไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองกับผิว จึงใช้เพื่อฆ่าเชื้อที่ผิวหนังและพื้นผิวต่างๆ ได้ดี
โดยทั่วไปนิยมใช้สารละลายแอลกอฮอล์ที่เข้มข้น 70% เพราะไม่ระเหยเร็วเกินไป มีปริมาณน้ำที่เพียงพอต่อการดูดซึมของจุลินทรีย์ และสามารถออกฤทธิ์ทำลายเซลล์เชื้อโรคได้ดี ในขณะที่แอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้น 95-100% จะระเหยไปอย่างรวดเร็ว ปริมาณน้ำไม่เพียงพอที่เซลล์ของเชื้อโรคจะดูดซึมเข้าไป จึงไม่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อ ส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เข้มข้นต่ำกว่า 50% ประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อโรคจะไม่ค่อยมีเช่นกัน
3.สรุปใช้แอลกอฮอล์อย่างปลอดภัย ไกลโรค
3.1 แอลกอฮอล์ที่เลือกใช้ต้องมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% ขึ้นไป ถึงจะสามารถช่วยฆ่าเชื้อไวรัสได้
3.2 เจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์ต้องมีฉลากชัดเจน ไม่หมดอายุ บรรจุภัณฑ์ไม่บุบสลาย
3.3 บีบเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ลงบนฝ่ามือ ลูบให้ทั่วทุกซอกทุกมุม แล้วรอให้แอลกอฮอล์ระเหยแห้ง 20-30
วินาที ก่อนจะไปหยิบจับ หรือทำอย่างอื่น
3.4 เก็บเจลแอลกอฮอล์และสเปรย์แอลกอฮอล์เอาไว้ในห้องอุณหภูมิปกติ โดยเก็บในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิท และ
ห่างไกลจากแสงแดด เพื่อป้องกันการระเหย
PURESERV เป็นอีกหนึ่งบริการที่ใส่ใจด้านการดูแลสุขอนามัย เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน สามารถติดต่อได้ที่
บริษัท เพียว เชิร์ฟ จำกัด เบอร์โทร : 097-961-6945 อีเมล : sales@pureservsolution.com ไอดีไลน์ : @pureserv